วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

6 ช่องทางของการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

6 ช่องทางของการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

1. ดิจิตอลตอบสนอง: เป็นการสนทนาหรือแลกเปลี่ยนความคิดกับทุกคนในโลกดิจิตอล โดยช่องทางระบบดิจิตอลที่ใช้ เพื่อการเรียนรู้ทีมีการติดต่อสื่อสาร เพื่อแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจะ
2. ปฏิสัมพันธ์ชุมชน: ความสัมพันธ์ชุมชน ภายในกรอบการพัฒนาความรู้และเนื้อหาโดยเข้าร่วมกิจกรรมกับชุมชนหรือสังคม หรือร่วมกิจกรรมผ่านทางดิจิตอล
3. ผลงานและความคิดสร้างสรรค์: แสดงหรือมีผลงานในทักษะความคิดสร้างสรรค์ ในผลงานนั้น ทำให้เกิดการเรียนรู้ในการแก้ปัญหา มีความท้าทายของการใช้ชีวิตประจำวัน
4. สื่อความรู้: สื่อดิจิตอลวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จะต้องตามให้ทัน ไม่เพียงแค่ "พอรู้ พอทำ พอเข้าใจ" แต่ต้องมีการพัฒนาแสวงหาเรียนรู้ตลอดเวลา ไม่หยุด ตามให้ทัน
5. เล่น: นี่คือตรงข้ามของการตอบสนองที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่ครูเป็นศูนย์กลาง การพัฒนาและการสร้างสรรค์ในรูปแบบที่เป็นไปไม่ได้อย่างอื่นภายใต้การบังคับ ในการเล่นผู้เรียนได้อย่างอิสระทดสอบความทะเยอทะยานแสดงตามความอยากรู้และรับความเสี่ยงในการสร้าง, การออกแบบ   
6. การเรียนรู้ด้วยตนเองโดยตรง: ส่วนใหญ่การเล่นเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเองโดยตรง แต่เป็นการเรียนรู้ที่วงกว้างมากไป รวมถึงการตอบสนองสามารถทางวิชาการการเรียนรู้ตามโครงการการเรียนรู้เกมที่ใช้และอื่น ๆ  โรงเรียนต้องทำหน้าที่สร้าง รูปแบบการเรียนรู้ให้นักเรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง กำหนดเป้าหมายให้ แนะนำ เป็นโค้ช ให้การสนับสนุน และตั้งกฎเกณฑ์ ความรับผิดชอบ เพื่อคุณภาพของนักเรียน

 แหล่ง่ข้อมูล
http://www.teachthought.com/learning/6-channels-of-21st-century-learning/

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

STAD เทคนิดการจัดการเรียนรู้



      หมายถึง รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้อีกรูปแบบหนึ่งที่มีชื่อเต็มว่าStudent Teams Achievement Divisions เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งกำหนดให้นักเรียนที่มีทักษะและความรู้ที่แตกต่างกันมารวมกันเป็นกลุ่ม หรือเป็นทีม เพื่อทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มๆ โดยในกลุ่มจะคละไปด้วยคนเก่งและไม่เก่ง เพื่อให้เกิดการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ
       เพื่อสร้างแรงจูงใจผู้เรียนให้เกิดแรงบันดาลใจ สามารถแสดงออกถึงทักษะการทำงานเป็นทีม และช่วยเหลือกันในการทำ มีความเข้าใจเนื้อหานั้นๆ อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเทคนิคที่สามารถใช้ได้กับทุกกระบวนการการเรียนรู้ หรือวิชาคณิตศาสตร์ ศิลปะ ภาษา และสังคมศึกษา และใช้ได้กับระดับอนุบาจนถึงมหาวิทยาลัย

รูปแบบการจัดการ
1.ครูอธิบายงานที่ต้องทำในกลุ่ม ลักษณะการเรียนภายในกลุ่ม กฎกติกา ข้อตกลงในการทำงานกลุ่ม
2.ครูเป็นผู้กำหนดกลุ่ม โดยผู้เรียนจะได้รับมอบหมายให้อยู่ ให้มีความหลากหลายในกลุ่ม ทั้งเพศ 
    และทักษความสามารถ สมาชิกประมาณจำนวน 4 – 5 คน
3.ครูทำการสอนได้ครบเนื้อหาแล้ว มีการมอบหมายใบงาน/แบบฝึกหัดให้ 
    ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยกันในกลุ่มของตนเอง
4.ประเมินในสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนไป โดยทดสอบคะแนนเป็นรายบุคคล
ครูใน STAD
1.จัดผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อยกลุมละ 4-5 คน โดยให้สมาชิกในกลุ่มมีความสามารถแตกต่างกัน
2.ให้ผู้เรียนจัดที่นั่งเป็นกลุ่มโดยมีช่องว่างระหว่างกลุ่มที่ผู้สอนสามารถเดินดูการทางานของกลุ่ม ได้
3.ชี้แจงบทบาทของผู้เรียน เกี่ยวกับวิธีการเรียนรูแบบร่วมมือเทคนิค STAD และกิจกรรมภายในกลุ่ม
4.สร้างบรรยากาศที่เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ยกย่องชมเชยอย่างเหมาะสม
5.เป็นที่ปรึกษาของทุกกลุ่มย่อย ติดตามความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของกลุ่มและสมาชิกในกลุ่ม
6.เป็นผู้กำหนดว่า ผู้เรียนควรอยู่ในกลุ่มเดิมนานเท่าใด
นักเรียนใน STAD
1.สมาชิกในกลุ่มต้องมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
2.ทุกคนต้องพัฒนาทักษะการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ
3.สมาชิกแต่ละคนจะต้องได้รับมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบ
4.ทุกคนให้เคารพและยอมรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกในกลุ่มมีการวิจารณ์ความคิดเห็น 
    ของเพื่อนได้ และยอมรับคำวิจารณ์ซึ่งกันและกัน โดยสรุปเป็นความคิดส่วนรวม
5.ทุกคนรับผิดชอบการเรียนรู้ด้วยตนเองและสมาชิกในกลุ่ม
จุดเด่น STAD
1.นักเรียนมีความเอาใจใส่รับผิดชอบตนเองและกลุ่มร่วมกับเพื่อนสมาชิก
2.สนับสนุนให้นักเรียนที่มีความสามารถต่างกันได้ร่วมมือกันเรียนรู้
3.สนับสนุนให้นักเรียนเรียนเกิดาภาวะผู้นำกับทุกคน โดยผลัดกันเป็นผู้นำ นักเรียนได้ฝึกและเรียนรู้
    ทักษะทางสังคม
4.นักเรียนมีความอยากเรียนรู้และสนุกกับการเรียนรู้
จุดอ่อน STAD
1.ถ้านักเรียนขาดความรับผิดชอบจะส่งผลให้งานกลุ่มและการเรียนรู้ไม่ประสบความสำเร็จ
2.ครูจะต้องเตรียมการและเอาใจใส่เป็นอย่างดีเพื่อได้ประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ ทำให้ครูมีภาระ
    งานเพิ่มมากขึ้น และความตั้งใจอย่างสูง

       STAD เป็นการสร้างโอกาสให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง แสวงหาค้นคว้าด้วยตนเอง 
และจากเพื่อนร่วมงาน หรือสมาชิกในทีม เกิดทักษะการทำงานเป็นทีม การทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยน
ความรู้หรือแม้แต่ปัญหาอย่างอิสระ คนเก่งสามารถถ่ายทอดความรู้ให้เพื่อนในกลุ่มเข้าใจ และสามารถ
บอกวิเคราะห์ของการหาคำตอบในการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ได้ และปัญหาทางวิทยาศาสตร์ในการ
ทดลอง การสร้างผลงานในแต่ละวิชาชีพ หรือโครงงานนั้น ซึ่งแต่ละปัญหาหรือการทำงานจะไม่เหมือน
เดิมจะแปลกใหม่ จะต้องมีมานะอดทนของนักเรียนแต่ละคนในการแก้โจทย์คณิตศาสตร์หาคำตอบจาก
ปัญหาเดียวกัน ทำให้มีการพัฒนาต่อเนื่อง มีประสบการณ์
       การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือไม่ใช่การให้นักเรียนมารวมกลุ่มแล้วทำงานร่วมกัน แต่เป็นการเกิด
กระบวนการเรียนรู้เพื่อสมาชิกทีมงานทุกคน หรือเพื่อส่วนรวม และพัฒนาไปเพื่อสังคม เพื่อประเทศ
ชาติ โดยการพึ่งพาอาศัยกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันเข้าใจและยอมรับในความคิดเห็นหรือทักษะที่แตก
ต่างของแต่ละคนในทีมงาน

แหล่งข้อมูล
Sandee Toearsa

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ทฤษฎีพื้นฐานภาวะผู้นำ

ทฤษฎีพื้นฐานภาวะผู้นำ
"ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง" เป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่จะใช้ในสถานการณ์ทางการบริหารมากที่สุด แต่คุณจะกลายเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการเรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎีความเป็นผู้นำหลักเหล่านี้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือและรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับแต่ละคน"

การเรียนรู้ฐานรากของผู้นำ 














คนที่ประสบความสำเร็จกับคนล้มเหลว
ความจริงก็คือไม่มี หลักการหรือทฤษฏีทีสมบูรณ์ ในลักษณะที่ทำให้เป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ และไม่ได้หมายความว่าคนที่ไม่มีทักษะหรือความสามารถ หรือคนที่เป็นผู้ตามจะไม่สามารถเรียนรู้ที่จะเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ คุณเพียงแค่ต้องเข้าใจวิธีการต่างๆที่จะเป็นผู้นำเพื่อให้คุณสามารถใช้วิธีการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณเอง วิธีนั้นก็ คือการเรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎีพื้นฐานหรือหลักการเบื้องต้นทีผู้นำควรมีหรือสร้าง ไม่ว่าจะการฝีกฝนหรือใคร่คว้าหา ทฤษฎีพื้นฐานเหล่านี้ประกอบด้วยดังนี้
1. ทฤษฎี ลักษณะ
ทฤษฎีลักษณะ คือ เกิดลักษณะทีบุคลิกภาพภายในจิตใจและนอกของผู้นำที่เป็นไปตามธรรมชาติ โดยได้จากมาจากลักษณะบุคลิกทั่วไป หรือลักษณะเด่นของผู้นำ ทฤษฎีลักษณะดังกล่าวว่าที่มีคุณภาพสัญชาตญาณที่คุณทำหรือไม่ได้ สามารถพัฒนาคุณภาพความเป็นผู้นำภายในตัวเองและสามารถพัฒนาบุคคลอื่นได้ ทฤษฎีลักษณะช่วยให้เราระบุลักษณะและคุณภาพ (เช่นความซื่อสัตย์ เอาใจใส่  ความช่วยเหลือ ทักษะการตัดสินใจที่ดี ลักษณะเหล่านี้หรือรวมกันที่เฉพาะเจาะจงของพวกเขา จะพบความสำเร็จในฐานะผู้นำ และการยืนยันว่าผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
2. ทฤษฎีพฤติกรรม
ทฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรมมุ่งเน้นเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติตนเป็นผู้นำ ยกตัวอย่างเช่นผู้นำกำหนดการทำสิ่งที่ต้องทำและคาดหวังว่าจะได้ความร่วมมือ หรือเกี่ยวข้องกับทีมของพวกเขาในการตัดสินใจ และพร้อมที่จะให้การยอมรับและสนับสนุน ในช่วงทศวรรษที่ 1930, Kurt Lewin พัฒนากรอบการทำงานขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้นำ ประเภทของผู้นำมีดังนี้
1.       ผู้นำเผด็จการในการตัดสินใจโดยไม่ปรึกษาทีมของพวกเขา รูปแบบของการเป็นผู้นำนี้ถือว่าเหมาะสมเมื่อตัดสินใจที่จะต้องทำอย่างรวดเร็วเมื่อมีความจำเป็นสำหรับการไม่มีข้อตกลงและไม่จำเป็นสำหรับผลสำเร็จ
2.       ผู้นำประชาธิปไตยช่วยให้ทีมงานที่จะให้ข้อมูลก่อนการตัดสินใจแม้ว่าระดับของการป้อนข้อมูลจะแตกต่างจากผู้นำที่จะเป็นผู้นำ ซึ่งรูปแบบนี้เป็นสิ่งสำคัญเมื่อเรื่องข้อตกลงของทีม แต่มันอาจเป็นเรื่องยากในการจัดการเมื่อมีมุมมองที่แตกต่างกันและความคิดที่หลากหลาย
3.       ผู้นำไม่รู้ไม่ชี้ไม่รบกวนคือ ไม่คิดไม่ทำอะไรเลย ให้คนในทีมที่จะทำให้หลายคนตัดสินใจ ลักษะนี้จะทำงานได้ดีเมื่อทีมที่มีความสามารถสูง มีแรงบันดาลใจและไม่จำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามลักษณะการทำงานนี้อาจเกิดขึ้นเพราะผู้นำขี้เกียจหรือฟุ้งซ่าน และนี่คือที่รูปแบบของการเป็นผู้นำที่ล้มเหลว
เห็นได้ชัดว่ามีพฤติกรรมผู้นำของพวกเขาส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน นักวิจัยได้ตระหนักได้ว่าหลายพฤติกรรมผู้นำเหล่านี้มีความเหมาะสมในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ผู้นำที่ดีที่สุดคือผู้ที่สามารถใช้รูปแบบพฤติกรรมที่แตกต่างกันและเลือกรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับแต่ละสถานการณ์
3. ทฤษฎีตามสถานการณ์
คือ เป็นผู้นำที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ตามเหตุการณ์ ตามจำเป็น เช่น ต้องตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและต้องเป็นรูปแบบการตัดสินใจที่ดีที่สุด ให้มีวิธีที่มีการสนับสนุนอย่างเต็มที่กับทีมงานของคุณเพื่อจะนำไปสู่ประสิทธิภาพ ผู้นำควรที่จะมุ่งเน้นคนและมุ่งเน้นงาน สามารถใช้กระบวนการความเป็นผู้นำเข้าใจว่าสถานการณ์ของคุณมีผลกระทบต่อปัจจัยอื่นๆ ที่มีความสำคัญในการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพและส่งผลกระทบต่อความเป็นผู้นำของคุณ 
4. ทฤษฎีอำนาจและอิทธิพล
คือ ลักษณะความเป็นผู้นำอีกที่ใช้อำนาจและอิทธิพลคือการเป็นผู้นำในการบริหาร ในการควบคุมทึม มุ่งเน้นให้คนทำในสิ่งที่ได้รับรางวัลและไม่มีเหตุผลอย่างอื่น นแง่ของการสร้างความสัมพันธ์และการพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานที่สร้างแรงจูงใจอาจไม่เพียงพอกับทำงาน ขึ้นอยู่กับอำนาและอิทธิพลผู้นำในองค์กรนั้น ทำนองเดียวกันถ้าใช้อำนาจและอิทธิพลที่มีประสิทธิภาพ ก็อาจจะทำให้ผลการทำงานของทีมงานมีประสิทธิภาพสูง
ลักษณะผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
ที่เรากล่าวถึงข้างต้นภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงมักจะเป็นลักษณะการเป็นผู้นำที่ดีที่สุดที่จะใช้ในการดำเนินการบริหาร ผู้นำการเปลี่ยนแปลงแสดงความซื่อสัตย์และพวกเขารู้วิธีการพัฒนาวิสัยทัศน์และสร้างแรงบันดาลใจที่แข็งแกร่งในอนาคต พวกเขากระตุ้นให้คนที่จะบรรลุวิสัยทัศน์นี้พวกเขาจัดการส่งมอบและพวกเขาสร้างทีมงานที่เคยแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จมากขึ้น แต่คุณมักจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสไตล์ของคุณเพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มเฉพาะหรือสถานการณ์และนี่คือเหตุผลที่มันเป็นประโยชน์ที่จะได้รับความเข้าใจอย่างละเอียดของรูปแบบอื่น ๆ บทความของเราในแบบผู้นำจะใช้เวลามองลึกลงไปในรูปแบบต่างๆ ที่คุณสามารถใช้ 
ประเด็นสำคัญ
เมื่อเวลาผ่านไปทฤษฎีหลักหลายประการเกี่ยวกับความเป็นผู้นำที่จะโผล่ออกมา ทฤษฎีเหล่านี้ตกอยู่ในสี่ประเภทหลักคือ
1.       ทฤษฎีลักษณะ
2.       ทฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรม
3.       ทฤษฎีตามสถานการณ์
4.       ทฤษฎีอำนาจและอิทธิพล

แหล่งข้อมูล
http://www.mindtools.com/pages/article/leadership-theories.htm

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

นิยามและลักษณะของสังคมโลกและภูมิภาค

นิยามและลักษณะของสังคมโลกและภูมิภาค
                มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2558) ได้กล่าวว่า สังคมโลก หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างกันของมนุษย์ที่อยู่ในประเทศต่างๆ ในโลก เมื่อพิจารณาวิวัฒนาการของสังคมโลกพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญแบ่งเป็น 3 ยุค คือ ยุคเกษตรกรรม ยุคอุตสาหกรรม และยุคสังคมเทคโนโลยี
สังคมโลกปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับระบบการค้าเสรี สิ่งแวดล้อม ระบอบประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน เมื่อผนวกกับกระแสโลกาภิวัฒน์ สภาพสังคมโลกในด้านเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวขึ้น แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วในการกีดกันทางการค้าด้วยมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี สำหรับด้านการเมือง ระบบการเมืองโลกมีลักษณะขั้วอำนาจเดียว ส่วนด้านสังคมและวัฒนธรรมเกิดการประสานเป็นหนึ่งเดียวหรือเกิดการปะทะกันทางวัฒนธรรม แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกในอนาคต จะเกิดช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ร่ำรวยและประเทศที่ยากจนสูงขึ้น การเมืองโลกจะเคลื่อนเข้าสู่ระบบหลายขั้วอำนาจ สังคมและวัฒนธรรมโลกจะก้าวเข้าสู่สังคมแห่งปัญญากิจกรรม (คู่มือผู้นำ.2558.น.)
 อัลวิน ทอฟฟเลอร์ นักวิชาการที่มีชื่อเสียงได้วิเคราะห์สถานการณ์ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ในหนังสือคลื่นลูกที่สาม โดยเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของอารยธรรมโลกเหมือนคลื่นสามลูกซึ่งซ้อนทับกัน ประกอบด้วย 1) สังคมเกษตรกรรม 2) สังคมอุตสาหกรรม 3) สังคมแห่งเทคโนโลยี
สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ (2557)ได้แสดงทัศนะว่า สังคมโลก คือสังคมทีมีประชากรทั่วโลกมี 7 พันล้านคนในทุกๆ 15 ปีเพิ่มขึ้น 1 พันล้านคน เพิ่มขึ้นตลอดเวลา ปัญหาสังคมที่พูดถึงจึงทำให้ปัญหาทางการเมืองขยายวงกว้างและความซับซ้อนมากขึ้น  ความซับซ้อนของปัญหาที่เชื่อมโยงกับการเมือง เศรษฐกิจ สังคม จะรุนแรงมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของการศึกษาของสังคม ถ้ามีคุณภาพ (ไม่ใช่เน้นเชิงปริมาณแบบสังคมไทย) สังคมจะมีการดำเนินนโยบายในลักษณะที่ป้องปราม และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในลักษณะที่ราบรื่น แต่สังคมใดมีการศึกษาที่ด้อยคุณภาพและเน้นเชิงปริมาณก็จะแก้ปัญหาแบบวัวหายล้อมคอกและมีการดำเนินนโยบายที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ซึ่งนำไปสู่การแย่งชิงผลประโยชน์ที่ทำให้ประชาชนเกิดการแบ่งขั้ว        
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (2557) ได้แสดงความคิดเห็นในเอกสารประกอบการสอนรายวิชาสังคมโลกและภูมิภาค ว่า ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงในทุกมิติทั้งทางสังคม เศรษฐกิจการเมืองและเทคโนโลยี อันเป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจและการเมืองโลก มีผลทำให้ประเทศต่างๆ ในโลกต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และมีความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น โลกที่เคยกว้างใหญ่กลับเล็กลงดินแดนแต่ละประเทศที่อยู่ห่างไกลกัน สามารถติดต่อกันได้ภายในเวลาเสี้ยววินาทีประดุจเป็นหมู่บ้านเดียวกัน (Global Village) ภูเขาและทะเลซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติที่เคยเป็นอุปสรรคในการติดต่อไปมาหาสู่ดูเสมือนเลือนหายไปจนกลายเป็นโลกไร้พรมแดน นับจากนี้ต่อไปโลกกา ลังก้าวเข้าสู่ระยะแห่งการเปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัย การเปลี่ยนผ่านที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์โลกในยุคโลกาภิวัตน์
The Global University Network for Innovation หรือ GUNi (2015) ได้แสดงทัศนะในรายงาน World Social Forum and new world ว่า ความรู้ ความผูกพันและการศึกษาที่สูงขึ้น จะเอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมโลก ในรายงานได้กล่าวว่า จุดมุ่งหมายของสังคมการศึกษาระดับอุดมศึกษาในโลก ประกอบด้วย 1) แสดงให้เห็นถึงอธิบายและวิเคราะห์แนวคิดปัจจุบันของมหาวิทยาลัยมีส่วนร่วมของชุมชนและความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาคทั่วโลก 2) แสดงให้เห็นถึงวิธีการเชื่อมโยงความรู้กับสังคม การนำเสนอการปฏิบัติที่แตกต่างกันกลไกและโครงสร้างรวมทั้งผลกระทบของการมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน, การเรียนรู้, การวิจัยและกิจกรรมของสถาบัน 3) ระบุความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันภายในภูมิภาคของโลกที่แตกต่างกัน แสดงลักษณะระหว่างประเทศและการให้ปัจจุบันแผนที่ดินแดนและใจเกี่ยวกับวิธี 4) การมีส่วนร่วมกับสังคม ทางสังคมมีส่วนร่วมในการปฏิบัติที่มีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์รวมทั้งเป็นผู้นำการมีส่วนร่วมและกระบวนการในการตัดสินใจ 5) เสนอขั้นตอนในการมีส่วนร่วมของความก้าวหน้าการศึกษาระดับสูงที่จะสร้างขึ้นเพียงสังคมที่เป็นธรรมและยั่งยืน 6) มีเครื่องมือสำหรับผู้ปฏิบัติงานการศึกษาที่สูงขึ้นผ่านตัวอย่างของการปฏิบัติที่ดีนวัตกรรมประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องและหรือโครงการที่จะก้าวไปข้างหน้า โครงสร้างประกอบด้วย  (1) บริบท (2) ประเด็นที่ทั่วโลกเกี่ยวกับความรู้การมีส่วนร่วมและการศึกษาสูง (3) การวิจัยเกี่ยวกับความรู้การมีส่วนร่วมและการศึกษาสูง (4) การพัฒนาภูมิภาค (5) ในอนาคตวิสัยทัศน์และวาระสำหรับการดำเนินการและ (6) การเพิ่มเติม
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าความหมายของสังคมโลกในภาพรวม คือความสัมพันธ์ระหว่างกันของมนุษย์ที่อยู่ในประเทศต่างๆ ในโลก และความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศ นอกจากนี้ อาจให้ความหมายของสังคมโลกในแง่มิติด้านกายภาพ มิติด้านการรวมกลุ่มผลประโยชน์ระหว่างประเทศ มิติด้านอุดมการณ์ทางการเมือง และมิติด้านลำดับการพัฒนาความเจริญ
โลกวันนี้และในอนาคตจึงเป็นโลกที่ไม่ได้แข่งขันทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองเพียงเท่านั้นแต่ยังเป็นโลกของการแข่งขันที่ระบบการคิดซึ่งชี้วัดด้วยคุณภาพของระบบการศึกษาเป็นหลักบทบาทของการศึกษา เปรียบเทียบสังคมเกษตรกรรม สังคมอุตสาหกรรม และสังคมปัจจุบันที่เรียกว่ายุคความรู้ ไว้ใน ๔ บทบาท อันได้แก่ (๑) เพื่อการทำงานและเพื่อสังคม (๒) เพื่อฝึกฝนสติปัญญาของตน (๓) เพื่อทำหน้าที่พลเมือง และ (๔) เพื่อสืบทอดจารีตและคุณค่า
เปรียบเทียบสังคมไทยกับสังคมโลกและภูมิภาค
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2552) ได้กล่าวใน รายงานการวิจัยเรื่องภาพการศึกษาไทยในอนาคต 10 - 20 ปี ว่าสภาพปัจจุบันและแนวโน้มของบริบทโลกที่ส่งผลต่อการศึกษาในอนาคต 10 - 20 ปีข้างหน้า ในด้านต่างๆ สังคมโลกในอนาคตที่ส่งผลต่อสังคมไทยจะเป็นสังคม 3 ลักษณะ คือ 1) สังคมแข่งขัน ที่ใช้ความรู้เป็นฐานของการพัฒนาและการแข่งขัน เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ในยุคเศรษฐกิจสังคมฐานความรู้ 2) สังคมสิทธิมนุษยชน สิทธิมนุษยชนจะได้รับความสำคัญมากขึ้นในสังคมไทยจากการบังคับใช้กฎหมายที่มีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น และ 3) สังคมพอเพียง จากสภาวะการแข่งขันและวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจที่จะต่อเนื่องในอนาคตทำให้สังคมไทยต้องหันมาให้ความสำคัญในเรื่องของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจังเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันทางชีวิตและสังคม
เอกกวีร์  พิทักษ์ธนัชกุล (2558) ได้แสดงความเห็นว่า การศึกษาในสังคมโลกยุคปัจจุบัน นั้นคือ          การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตของเราทุกคน และเป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหาองค์ความรู้เพื่อมาใช้ในการดำเนินชีวิต การทำงาน และการสร้างความสำเร็จให้กับชีวิตของเราทุกคน เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการศึกษามีอิทธิพลต่อสังคมโลกในปัจจุบัน ต่างคนต่างแสวงหาหลักสูตร สถาบัน หรือสถานที่สำคัญเก็บเกี่ยวความรู้นั้น ๆ อย่างจริงจัง และเป็นที่คาดหวังว่าจะค้นพบตัวตนได้จากการศึกษาในสาขาหรือหลักสูตรนั้น ๆ ด้วยเช่นกัน
          ระบบโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กระแสโลกาภิวัตน์ได้เข้ามาอิทธิพลต่อหลาย ๆ ประการในสังคม ไม่เว้นแต่ระบบการศึกษาที่มีการปรับเปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก เพื่อก่อให้เกิดความทันสมัยในองค์ความรู้ และสอดคล้องต่อผู้ศึกษาและยังมีส่วนช่วยดึงดูดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาและนำองค์ความรู้ไปใช้เพื่อเกิดประโยชน์ต่อไป
         
กระทรวงศึกษาธิการ (2557) ได้แสดงทัศนะว่า ในปัจจุบันสภาพสังคมไทยเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและเทคโนโลยี เด็กเป็นสมาชิกหนึ่งของสังคมย่อมที่จะต้องเรียนรู้ในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆ สำหรับสังคมไทยก่อนปี พ.ศ. 2558 จะต้องเตรียมความพร้อมตนเองเพื่อก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียนซึ่งจะรวมตัวกันในปี 2558 เพื่อร่วมมือกันสร้างความแข็งแกร่งให้กับสมาชิกอาเซียน เด็กปฐมวัยคือพลเมืองของประเทศไทย จึงได้รับผลกระทบเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งการเตรียมตัวที่ดีที่สุดคือการให้การศึกษา แก่ประชาชน เพราะการศึกษาจะช่วยให้คนเกิดการเรียนรู้ที่จะปรับตัว ดังพระบรมราโชวาทของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงพระราชทานแก่คณะครูและนักเรียน ณ พระตำหนักจิตรดารโหฐาน เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2518 ความว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดประการหนึ่งของชีวิตและส่วนรวม คือ การศึกษา ซึ่งเป็นรากฐานส่งเสริมความเจริญมั่นคงเกือบทุกอย่างในบุคคลและประเทศชาติดังนั้นการให้เด็กไทยได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนจึงเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อทำความเข้าใจเรื่องของมนุษยชาติ ความเข้าใจนานาชาติ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สังคมวิทยา หน้าที่พลเมือง ประวัติศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และภาษา ซึ่งการสอนสังคมสมัยใหม่นั้น ต้องสอนเพื่อการรู้เท่าทันการเปลี่ยน แปลงสังคม และนวัตกรรม แนวคิดร่วมสมัยที่ควรนำมาใช้พัฒนาเด็กคือ ความเข้าใจเรื่องอาเซียนและการศึกษาเพื่อความเข้า ใจระหว่างวัฒนธรรม ส่วนสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ ชุมชน พ่อแม่ผู้ปกครองร่วมกันกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของเด็กไทยให้สอดรับกับประชาคมอาเซียนว่า เด็กไทยควรมีทั้งด้านความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ดังนี้
1)   ด้านทักษะพื้นฐาน เช่น พูดภาษาได้อย่างน้อย 2 ภาษาคือ ภาษาอังกฤษและภาษาเพื่อนบ้าน
2)   มีทักษะพลเมือง ได้แก่ เคารพและยอมรับความหลากหลายทางวัฒนธรรม
3)   มีทักษะการเรียนรู้และพัฒนาตน ได้แก่ เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน
4)   ด้านเจตคติ ให้มีความตระหนักในความเป็นอาเซียน มีความภูมิใจในความเป็นไทย เป็นต้น
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (2557)ได้กล่าวว่า สภาพสังคมไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มประชากรสูงขึ้นโครงสร้างประชากรเปลี่ยนแปลง จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น แต่วัยเด็กหรือวัยหนุ่มสาวมีจำนวนลดลง ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากการใช้แรงงานคนจำนวนมากเป็นระบบเศรษฐกิจที่ใช้แรงงานความรู้ ในขณะที่การเมืองมีการขยายสิทธิและเสรีภาพเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ส่วนสภาพสังคมมีระดับความยากจนสูงขึ้น และได้รับอิทธิพลกระแสวัฒนธรรมจากต่างชาติ ทำให้เกิดค่านิยมวัตถุนิยมและบริโภคนิยม ซึ่งก่อให้เกิดปัญหานานัปการ รวมทั้งทำให้วัฒนธรรมไทยและภูมิปัญญาท้องถิ่นสูญหาย ทั้งนี้เพื่อความอยู่รอดของสังคมไทยในปัจจุบันจำต้องปรับเปลี่ยนเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ที่คนในสังคมต้องเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ เพื่อให้การเรียนรู้เป็นกระบวนการต่อเนื่องตลอดชีวิต เพื่อนำไปสู่การช่วยเหลือตนเองและพึ่งตนเองได้ เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและสังคมโดยรวม
เอกกวีร์  พิทักษ์ธนัชกุล (2558) ประเทศไทยทุกวันนี้ผู้ศึกษาสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาได้ง่ายขึ้น เช่น ระบบการสมัครออนไลน์ การสมัครผ่านไปรษณีย์ และอื่นๆ อีกหลายวิธีที่จะเข้าถึงระบบการศึกษาสถาบันการศึกษามีการปรับเปลี่ยนบทบาทเป็นอย่างมาก มีการนำเทคโนโลยีมาใช้อำนายความสะดวกสำหรับผู้ศึกษา เช่น ระบบลงทะเบียนออนไลน์ ระบบการแจ้งผลการเรียนออนไลน์ เป็นต้น การพัฒนาหลักสูตรหรือปรับปรุงหลักสูตรก็เป็นอีกประการสำคัญที่จะเป็นที่ดึงดูดผู้ที่สนใจศึกษาให้เข้ามาศึกษาแล้ว ยังมีการพัฒนาบุคลากรในหลากหลายวิชาชีพให้สอดคล้องกับหลักสูตรและความต้องการของสังคม รวมถึงเพื่อใช้สำหรับงานที่ผู้ศึกษาคาดหวังในการประกอบอาชีพในอนาคต
          ทุกวันนี้ผู้ศึกษาสามารถเข้าถึงแหล่งเทคโนโลยีเพื่อใช้ประโยชน์ต่อการศึกษา การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสามารถทำได้อย่างง่ายดาย เช่นผ่านทางอุปกรณ์อย่างโทรศัพท์มือถือแท็บเล็ต หรืออื่นๆ อีกมากมาย ที่จะช่วยให้ผู้สนใจศึกษาสามารถค้นหาข้อมูลได้ด้วยตนเอง โดยไม่จำกัดเวลา และสถานที่ ที่มีความแตกต่างเหมือนแต่ก่อน ที่การศึกษาจะอยู่ในชั้นเรียนหรือในสถานที่ที่ใช้สำหรับศึกษาหาความรู้อย่างเช่นห้องสมุดเท่านั้น
          มหาวิทยาลัยเปิดเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญสำหรับการศึกษาในยุคปัจจุบัน ที่เน้นให้ผู้เรียนสามารถศึกษาหาความรู้ได้อย่างไม่จำกัดเวลา และสถานที่ อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ศึกษาสามารถเลือกสถานที่สอบหรือเวลาได้เอง โดยไม่ยึดติดกับการระบบการศึกษารูปแบบเดิม การศึกษาลักษณะนี้ เป็นการศึกษาตามอัธยาศัยและโดยเสรีทำให้ผู้ศึกษารู้สึกผ่อนคลายกับความตึงเครียดในการเรียน อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาอย่างเต็มที่  ซึ่งในมหาวิทยาลัยเปิดในปัจจุบันอย่าง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช หรือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งกระแสโลกาภิวัตน์ปัจจุบัน เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญต่อทุกคนเป็นอย่างมาก ทำให้กระแสตอบรับในมหาวิทยาลัยเปิดถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมากและประการสำคัญสิ่งที่ผู้ศึกษาจะได้จากระบบมหาวิทยาลัยเปิดนี้ คือ ความอดทด และความมีระเบียบวินัยในการศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะถือว่ามหาวิทยาลัยได้เปิดโอกาสให้สามารถศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองผ่านช่องทางต่าง ๆ และผู้เรียนต้องจัดสรรเวลาว่างของตนเพื่อเอาใจใส่ต่อการเรียน ทำให้ผู้ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเปิด ได้รับการยอมรับจากตลาดงานที่ต่างชมว่า บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเปิดมีความอุตสาหะ ขยัน และมีความพากเพียรต่อการทำงานเป็นอย่างมาก อดทนต่อภาวะกดดันหรือภาวะต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ประการนี้เองที่เป็นสิ่งสำคัญที่สังคมต้องการคือ แม้ว่าผู้เรียนจะไม่เก่งแต่ขอให้สามารถทำงานได้ออกมาเป็นอย่างดี และสร้างประโยชน์ต่อการทำงานได้ต่อไปอนาคต
สังคมโลกทุกวันนี้ คือ ยุคสังคมความรู้ ในการศึกษาสำหรับสังคมโลกที่แตกต่างกันมากหากเราต้องการให้สังคมไทยดำรงศักดิ์ศรี และคนไทยสามารถอยู่ในสังคมโลกได้อย่างมีความสุข การศึกษาไทยต้องก้าวไปสู่เป้าหมายในยุคความรู้ไม่ใช่ย่ำเท้าอยู่กับเป้าหมายในยุคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม นี่จึงเป็นจุดท้าทายครูเพื่อศิษย์ และเป็นเข็มทิศนำทางครูเพื่อศิษย์ให้ได้สนุกสนานและมีความสุขในการทำงานอย่างมีเป้าหมายเพื่อชีวิตที่ดีของศิษย์ในโลกยุคความรู้ และนักเรียนต้องมีทักษะของนักเรียนในศตวรรษที่ 21
                                                                         แหล่งอ้างอิง
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2558) ไทยกับสังคมโลก (Thailand and the World community) พิมพ์ครั้งที่ 16 พ.ศ. 2555 http://lovemeena.com/book/thai_and_theworld.php
สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์  http://chaoprayanews.com/blog/politicaleconomy/2013/07/15//
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (2557)  วารสารคณะศึกษาศาสตร์ประจำปี
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (2557)  วารสารคณะศึกษาศาสตร์ประจำปี
ศึกษาธิการ, กระทรวง. ( 2546 ). คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 .กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภา
เอกกวีร์  พิทักษ์ธนัชกุล ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://www.stou.ac.th/study/sumrit/1-58(500)/page9-1-58(500).html
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2552) http://www.onec.go.th/onec_web/page.php?mod=Newseducation&file=view&itemId=1264
The Global University Network for Innovation (GUNi)
http://www.guninetwork.org/resources/he-articles/th-guni-world-report-knowledge-engagement-and-higher-education-contributing-to-social-change




วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ภาวะผู้นำ Ed.D

ภาวะผู้นำ Leadership
                ภาวะผู้นำ หรือความเป็นผู้นำ ซึ่งหมายถึง ความสามารถในการนำ  จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับความสำเร็จของผู้นำ ภาวะผู้นำได้รับความสนใจ และมีการศึกษามาเป็นเวลานานแล้ว เพื่อให้รู้ว่าอะไรเป็นองค์ประกอบที่ จะช่วยให้ผู้นำมีความสามารถในการนำ หรือมีภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
การศึกษานั้นได้ศึกษาหรือแยกออกเป็นตั้งแต่คุณลักษณะ (Traits) ของผู้นำ อำนาจ (Power) ของผู้นำ พฤติกรรม (Behavior) ของผู้นำแบบต่าง ๆ และอื่น ๆ ในปัจจุบันนี้ ก็ยังมีการศึกษาภาวะผู้นำอยู่ตลอดเวลา และพยายามจะหาภาวะผู้นำที่มี ประสิทธิภาพในแต่ละองค์การและในสถานการณ์ต่าง ๆ กัน การทำงานของนักบริหารหรือหัวหน้างาน ก็คือ การทำงานกับคนจะทำงานกับคนและนำคนอย่างไร ทั้งผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา หรือหัวหน้างานกับลูกน้อง นักบริหารที่ฉลาดจะต้องไม่ยอมให้อาชีพตนเองถอยหลังคนที่ดีที่สุด หรือบกพร่องน้อยที่สุด คือผู้ที่มีความสามารถที่สุดและมีแรงขับภายในหรือศักยภาพ (Potential) ออกมาได้มากที่สุดโดยไม่ยอมอยู่กับที่แต่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ และมั่นคงเสมอ
ภาวะผู้นาหรือความเป็นผู้นำ (leadership) หมายถึง เป็นกระบวนการที่ผู้บริหารจะให้มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของ ผู้อื่น มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การปฏิบัติงานบรรลุจุดหมายขององค์การ จากนิยามดังกล่าว มีคาถามว่าผู้บริหารจะทาให้ตนมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของคนอื่นได้อย่างไร คำตอบก็คือ อำนาจ (power) (Bartol & others 1998) อำนาจนี้มีที่มาจากหลายแหล่งด้วยกัน แต่โดยทั่วไปมีมาจาก 6 แหล่งที่สำคัญดังนี้ คือ (French & Raven 1959 อ้างใน Bartol & others) 1) อำนาจตามกฎหมาย (legitimate power) เป็นอำนาจที่มีตามตำแหน่งที่ดารงอยู่ในสายการบังคับบัญชาขององค์การ ตามอำนาจหน้าที่ (authority) ของตำแหน่งนั้น 2) อำนาจในการให้รางวัล (reward power) เช่น การเลื่อนขั้นเงินเดือน การเลื่อนตำแหน่ง การสนับสนุนการศึกษาหรือฝึกอบรม การยอมรับ เป็นต้น 3) อำนาจในการลงโทษ (coercive power) เมื่อมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การลดขั้นเงินเดือน การโยกย้ายงาน การให้ออกจากงาน เป็นต้น 4) อำนาจในความเป็นผู้เชี่ยวชาญ (expert power) อันเนื่องจากมีประสบการณ์ ความรู้ หรือทักษะเชิงเทคนิคที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการทางานของผู้ใต้บังคับบัญชา 5) อำนาจในการมีข้อมูลสารสนเทศ (information power) เนื่องจากได้ครอบครองและควบคุมข้อมูลสารสนเทศที่สำคัญและจาเป็นต่อการปฏิบัติงานและการวางแผนขององค์การ 6) อำนาจเชิงอ้างอิง (referent power) เป็นผลจากความนิยมชมชอบ ความเคารพนับถือ และความเป็นมิตรจากบุคคลอื่น(วิโรจน์ สาระรัตนะ, 2557)
ความหมายของภาวะผู้นำ ได้มีผู้ให้ความหมายของภาวะผู้นำไว้หลากหลายและแตกต่างกัน ซึ่ง ยุคล์ (Yukl, 1989 ) ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ความหมายของภาวะผู้นำมีหลากหลายและแตกต่างกัน ก็เนื่องจากขอบเขตเนื้อหาและความสนใจในภาวะผู้นำ ในการศึกษาของนักวิจัยแตกต่างกัน ในที่นี้จึงขอนำเสนอให้ศึกษาดังต่อไปนี้
ภาวะผู้นำคือความริเริ่มและธำรงไว้ซึ่งโครงสร้างของความคาดหวังและความสัมพันธ์ระหว่างกันของสมาชิกของกลุ่ม (Stogdill, 1974)
ภาวะผู้นำคือความสามารถที่จะชี้แนะ สั่งการ หรืออำนวยการ หรือมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้อื่นเพื่อให้มุ่งไปสู่จุดหมายที่กำหนดไว้ (McFarland, 1979)
ภาวะผู้นำคือศิลปในการชี้แนะลูกน้อง หรือผู้ร่วมงานให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกระตือรือร้นและเต็มใจ (Schwartz, 1980)
ภาวะผู้นำ เป็นกระบวนการที่บุคคลใช้อิทธิพลต่อกลุ่ม เพื่อให้บรรลุความต้องการของกลุ่ม หรือจุดมุ่งหมายขององค์การ (Mitchell and Larson, Jr., 1987)
ภาวะผู้นำเป็นเรื่องของศิลปของการใช้อิทธิพลหรือกระบวนการใช้อิทธิพลต่อบุคคลอื่น เพื่อให้เขามีความเต็มใจ และกระตือรือร้นในการปฏิบัติงานจนประสบความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายของกลุ่ม (Koontz and Weihrich, 1988)
ภาวะผู้นำเป็นความสามารถในการใช้อิทธิพลต่อกลุ่ม เพื่อให้ประสบความสำเร็จตาม เป้าหมายหมายที่ตั้งไว้ (Robbins, 1989)
ภาวะผู้นำเป็นกระบวนการของการชี้แนะและอิทธิพลต่อกิจกรรมต่างๆ ของสมาชิกของกลุ่ม (Stoner and Freeman, 1989)
 สรุปได้ว่า ภาวะผู้นำ คือ กระบวนการที่บุคคลหนึ่ง(ผู้นำ)ใช้อิทธิพลและอำนาจของตนกระตุ้นชี้นำให้บุคคลอื่น (ผู้ตาม) มีความกระตือรือร้น เต็มใจทำในสิ่งที่เขาต้องการ โดยมีเป้าหมายขององค์การเป็นจุดหมายปลายทาง (พยอม วงศ์สารศรี, 2534:196)
จะเห็นได้ว่าภาวะผู้นำมีหลากหลาย ผู้เขียนจึงได้นำเฉพาะหรือมุ่งเน้นภาวะผู้นำที่เกี่ยวการศึกษา เกี่ยวกับบุคลากรทางการศึกษา การบริหารการศึกษา มารวบรวมและสังเคราะห์องค์ประกอบเพื่อให้ได้ ภาวะผู้นำ Ed.D ซึ่งประกอบไปด้วยภาวะผู้นำ 5 แบบ ดังนี้              
1.        ภาวะผู้นำทางการศึกษา
วิโรจน์ สาระรัตนะ (2557) ได้แสดงทัศนะภาวะผู้นำทางการศึกษา ว่าหมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำทางการศึกษา ครูผู้สอนและนักเรียน เพื่อนนำสู่ 1) การสร้างโอกาสเพื่อการสำรวจและแลกเปลี่ยนความรู้ 2) ให้มีอิทธิพลเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเกี่ยวกับค่านิยมการเรียนรู้ตลอดชีวิต 3) สร้างกลยุทธ์การออกแบบเพื่อสร้างและส่งเสริมวิสัยทัศน์ร่วมกัน
2.        ภาวะผู้นำสถานศึกษา
วิโรจน์ สาระรัตนะ (2557) ได้แสดงทัศนะภาวะผู้นำสถานศึกษา หมายถึง  ผู้นำหน่วยงานตามกฎหมายที่มีหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นของภาครัฐหรือภาคเอกชน เช่น โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หรือ หน่วยงานการศึกษาอื่น ๆ ภาวะผู้นำสถานศึกษาประกอบด้วย 1) เข็มแข็งมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างมีนัยสำคัญ 2) เป็นภาวะผู้นำร่วมกันของบุคลากรทุกฝ่าย 3) ปฏิบัติพื้นฐานของภาวะผู้นำสถานศึกษา 4 ) สร้างบริบทความรับผิดชอบ 5) ให้การศึกษากับนักเรียนหลากหลายกลุ่ม
3.        ภาวะผู้นำบริหารสถานศึกษา
 Meador (2013) กล่าวถึงสิ่งที่จะทำให้ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้นำสถานศึกษาที่มีประสิทธิผล (effective school leader) นั้น ผู้บริหารจะต้องแสดงออกถึงภาวะผู้นำ (a principal must exhibit Leadership) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในความสำเร็จหรือความล้มเหลว สถานศึกษาควรมีผู้นำหรือกลุ่มผู้นำที่มีประสิทธิผล ที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้บริหารคนอื่น ครู บุคลากรสายสนับสนุน นักเรียน และผู้ปกครองเป็นประจำวัน ซึงมีข้อเสนอองค์ประกอบดังนี้ 1) นำให้เห็นเป็นตัวอย่าง 2) มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน 3) ให้ความเคารพคนอื่นที่ดี 4) เป็นนักแก้ปัญหา 5) ไม่เห็นแก่ตัว 6) เป็นนักฟังที่ยอดเยี่ยม 7) ปรับตัว 8) เข้าใจในจุดเด่นจุดด้วยเป็นรายบุคคล 9) ทำให้ทุกคนดีขึ้น 10) ยอมรับในข้อผิดพลาด
4.        ภาวะผู้นำของครู  
Whitaker (2012) ให้ข้อคิดที่น่าสนใจว่า ครูคือบุคคลที่สำคัญต่อกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียน ครูที่ดีสอน ครูที่ยิ่งใหญ่สร้างแรงบันดาลใจ (good teacher teach, great teachers inspire) และให้ทัศนะต่อความเป็นครูที่ยิ่งใหญ่ว่ามีลักษณะดังนี้ 1) สอนให้คนอื่นประสบความสำเร็จได้ด้วยตนเอง 2) มีทักษะการสอน 3) รู้ถึงความแตกต่างระหว่างการจัดการกับภาวะผู้นำ
5.        ภาวะผู้นำทางการเรียนการสอน
University of Washington (2014) ให้ทัศนะว่าในบรรดาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา ถือว่า ภาวะผู้นำทางการเรียนการสอนเป็นปัจจัยที่สำคัญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าในแต่ละวันนักเรียนสามารถจะได้รับการเรียนการสอนที่มีคุณภาพสูงสุด ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ ผู้นำทางการเรียนการสอนจะต้องทำหน้าที่เพื่อปรับปรุงคุณภาพการสอนที่นำไปสู่การปรับปรุงการเรียนรู้ของนักเรียน โดยมีความเชื่อหลัก 5 ประการ ดังนี้ 1) ภาวะผู้นำทางการเรียนการสอนเน้นการเรียนรู้ 2) ภาวะผู้นำทางการเรียนการสอนจะต้องเป็นแบบทีมผู้นำ 3) วัฒนธรรมการปฏิบัติแบบเปิดและการปฏิบัติที่มีการสะท้อนผล 4) มีบริบทที่หลากหลายทางวัฒนธรรม 5) ความมีประสิทธิภาพในการบริหารทรัพยากรและบุคคล
จากทัศนะทั้ง 5 องค์ประกอบหลัก หรือ ทัศนะภาวะผู้นำทั้ง 5 แบบ จะได้องค์ประย่อยแต่ละภาวะผู้นำ ได้ทั้งหมด 26 ตัวบ่งชี้ ดังในตารางต่อที่ 1


















จากองค์ประกอบหลักข้างต้นสามารถสร้างตัวโมเดลการวัดภาวะผู้นำ Ed.D ได้  ดังภาพที่ 1





             ดังนั้น ภาวะผู้นำ Ed.D หมายถึง ผู้นำหรือบุคคลที่มีทักษะหรือความสามารถนำทางการศึกษา ทางการบริหารการศึกษา ทางการเรียนการสอน และครู ให้ประสบความสำเร็้จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมุ่งหวังเกิดผลทางการเรียนรู้กับนักเรียน

 แหล่งที่มา

วิโรจน์ สารรัตนะ (2557) ภาวะผู้นา : หลักการ ทฤษฎีและประเด็นพิจารณาในบริบททางวัฒนธรรมสังคมและองค์กรไทย  
ความหมายของภาวะผู้นำ http://www.baanjomyut.com/library/leadership/02.html